ระบบรูน (Rune) ในเกม Crystal of Atlan ระบบที่ผู้เล่นมือใหม่มักมองข้าม แต่ผู้เล่นโปรให้ความสำคัญมากที่สุดคือ ระบบรูน (Rune System) เพราะ “รูนที่ถูกต้อง” สามารถทำให้ตัวละคร
✓ ตีแรงขึ้น 2–4 เท่า
✓ ถึกขึ้นจนรับแรงปะทะได้สบาย
✓ เร็วขึ้นจนคอมโบไหลลื่นกว่าเดิม
✓ ฟาร์มไวขึ้นแบบเห็นผลทันที
พูดง่าย ๆ ว่า อัปเกรดรูนดี = ตัวละครเก่งขึ้นแบบไม่ต้องเปลี่ยนเซ็ตอุปกรณ์เลยด้วยซ้ำ
และหากคุณต้องการแหล่งข้อมูลหรือความบันเทิงเพิ่มเติมนอกเหนือจากการเล่นเกม สามารถแวะชมได้ที่สนใจเริ่มต้นเดิมพันออนไลน์กับเว็บตรง สมัคร UFABET วันนี้ รับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งโบนัสแรกเข้าและระบบฝากถอนออโต้ รวดเร็ว ปลอดภัย 100%ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยมของผู้เล่นเกมยุคใหม่
บทความนี้จะเป็นคู่มือระบบรูนที่ละเอียดที่สุด พร้อมสูตรจัดรูนสำหรับทุกคลาส และเคล็ดลับที่แม้แต่ผู้เล่นทั่วไปยังไม่เคยรู้

ระบบรูนคืออะไร? ทำไมถึงสำคัญใน Crystal of Atlan?
รูนคือไอเทมเสริมพลังที่ฝังลงในตัวละคร ทำให้ได้ค่า Stats เพิ่มเติมอย่าง
- ATK / Magic DMG
- CRIT / CRIT DMG
- HP / DEF
- Haste (ความเร็วโจมตี)
- Energy / Skill DMG
- Healing Boost
สิ่งที่ทำให้รูน “โหดมาก” คือ
- อัตราการเพิ่ม Stats สูงจนเห็นผลทันที
- สามารถคอมโบกับอุปกรณ์และคริสตัล
- ปรับบิลด์ได้หลากหลาย—เหมาะกับทุกคลาส
- ใช้เปลี่ยนสไตล์การเล่นได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนของทั้งเซ็ต
ผู้เล่นโปรจะอัปรูนก่อนอุปกรณ์บางชิ้นด้วยซ้ำ เพราะ “ต้นทุนต่ำกว่าแต่ได้ผลชัดกว่า”
ประเภทของรูนในเกม (แบ่งตามหน้าที่)
รูนถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ๆ โดยแต่ละกลุ่มเหมาะกับสไตล์แตกต่างกัน
1. Rune พลังโจมตี (Offensive Rune)
เหมาะกับ: Archer / Mage / Assassin / Swordsman DPS
ตัวอย่างค่าสเตตัสสำคัญ
- ATK
- Magic DMG
- CRIT Rate
- CRIT DMG
- Skill Damage
- Penetration (ทะลุเกราะ)
2. Rune พลังป้องกัน (Defensive Rune)
เหมาะกับ: Guardian / Swordsman Hybrid
ตัวอย่างค่าสำคัญ
- HP
- DEF
- Damage Reduction
- Block Rate
- Healing Taken Up
3. Rune ความเร็ว (Speed & Haste Rune)
เหมาะกับ: Assassin / Archer / Mage / Mechanic
ค่านี้มีผลอย่างมากใน Crystal of Atlan เพราะ
- ยิ่งเร็ว = คอมโบไหลกว่า
- ลดคูลดาวน์สกิล
- ทำให้การต่อสู้ลื่นขึ้น
4. Rune สนับสนุน (Supportive Rune)
เหมาะกับ: Priest / Mechanic / Tank บางสาย
เช่น
- Healing Boost
- Mana Regen
- Shield Power
- Support Effect Up
ระดับรูน (Rune Tier) และความคุ้มค่า
| ระดับ | คุณภาพ | เหมาะสำหรับ |
|---|---|---|
| Rare (ฟ้า) | ใช้ช่วงต้นเกม | มือใหม่ |
| Epic (ม่วง) | ใช้ได้ถึงเลเวลกลาง | ผู้เล่นทั่วไป |
| Legendary (ส้ม) | ใช้ยาวถึง End Game | ผู้เล่นโปร |
คำแนะนำสำคัญ:
อย่าอัปเกรดรูนฟ้า/ม่วงเกินจำเป็น รอเก็บรูน Legendary แล้วค่อยอัปแบบหนัก ๆ จะประหยัดทรัพยากรที่สุด
หลักการจัดรูนให้ “แรง–ถึก–เร็ว” แบบผู้เล่นโปร
นี่คือสูตรที่ผู้เล่นระดับสูงใช้จริง และแตกต่างจากผู้เล่นทั่วไปที่มักอัปค่าสุ่ม ๆ
หลักการ 1: ดูค่าสเตตัสหลักของคลาสก่อนเสมอ
ตัวอย่าง
- Archer → CRIT / ATK
- Mage → Magic DMG / Cooldown
- Assassin → CRIT / Haste
- Guardian → HP / DEF
- Mechanic → Skill DMG / Energy
- Priest → Healing / Mana Regen
- Swordsman → ATK / DEF (Hybrid)
ห้ามเลือกค่าที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น
Assassin ไปลง HP / Block = เสียประสิทธิภาพ 70%
หลักการ 2: ใช้รูนให้เข้ากับ “คอมโบสกิล” ที่ใช้บ่อย
ตัวอย่าง
Mage ที่ชอบเล่นสาย AOE เวทน้ำแข็ง → ควรใช้
- Magic DMG
- Freeze Rate Up
- Crit DMG ต่อสถานะผิดปกติ
Assassin ที่เน้น Burst → ควรใช้
- CRIT
- CRIT DMG
- Penetration
หลักการ 3: จัดรูน 60% โจมตี + 40% ป้องกัน
ถ้าต้องการเล่นสมดุลแบบผู้เล่นโปร
- ไม่ตายง่าย
- ดาเมจยังแรง
หลักการ 4: ปรับรูนตามคอนเทนต์ (PVE/PVP/Raid)
PVE ฟาร์มมอน
→ ATK / AOE DMG / Haste
Raid
→ CRIT / Penetration / Skill DMG
PVP
→ DEF / Damage Reduction / CRIT Resist / HP
สูตรจัดรูนสำหรับแต่ละคลาส (เจาะลึกที่สุด)
1. Archer – DPS ระยะไกลที่แรงที่สุด
รูนแนะนำ
- CRIT Rate
- CRIT DMG
- AOE Damage
- Attack Speed (Haste)
- Penetration
สูตรจัดรูนสุดแรง
CRIT 50% + Haste 30% + ATK 20%
เหมาะกับการฟาร์มและตีบอสแบบยิงยาว
2. Mage – AOE สุดโหด
รูนแนะนำ
- Magic DMG
- Skill DMG
- Cooldown Reduction
- CRIT DMG
สูตรจัดรูน
Magic DMG 40% + Cooldown 30% + CRIT 30%
ช่วยให้คอมโบเวทออกบ่อยสุด ๆ
3. Assassin – Burst Damage ที่แรงที่สุดในเกม
รูนแนะนำ
- CRIT Rate
- CRIT DMG
- Haste
- Penetration
สูตรจัดรูน
CRIT/Haste 70% + Penetration 30%
ทำให้คอมโบแทงหลังรัวและแรง
4. Swordsman – Hybrid สุดสมดุล
รูนแนะนำ
- ATK
- HP
- DEF
- Haste
สูตรจัดรูน
ATK 50% + DEF 30% + Haste 20%
เล่นได้ทั้งลุยเดี่ยวและปาร์ตี้
5. Guardian – แทงก์ยืนค้ำระดับโปร
รูนแนะนำ
- HP
- DEF
- Damage Reduction
- Block Rate
สูตรจัดรูน
HP 50% + DEF 50%
ยืนรับบอสได้ยาวไม่ล้มง่าย
6. Mechanic – ป้อมแรง ยิงรัว สนับสนุนดี
รูนแนะนำ
- Skill DMG
- Energy Recovery
- Haste
สูตรจัดรูน
Skill DMG 40% + Energy 40% + Haste 20%
ทำให้ป้อมดาเมจพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
7. Priest – ตัวซัพพอร์ตที่ทีมขาดไม่ได้
รูนแนะนำ
- Healing Power
- Mana Regen
- Cooldown Reduction
สูตรจัดรูน
Healing 60% + Cooldown 40%
ทำให้ฮีลต่อเนื่องแบบไม่ขาดตอน
วิธีอัปเกรดรูนให้คุ้มค่าที่สุด
การอัปเกรดรูนผิดวิธี = เสียทรัพยากรเยอะแบบไม่จำเป็น
ผู้เล่นโปรจึงทำตามแนวทางนี้
1. อัปเฉพาะรูน Legendary เท่านั้น
ไม่คุ้มที่จะอัปรูน Rare หรือ Epic เกิน +3–5
เพราะค่าเพิ่มน้อยมาก
2. เลือกอัปรูน “สเตตัสหลักของคลาส” ก่อน
ตัวอย่าง
- Assassin → CRIT
- Mage → Magic DMG
- Priest → Healing Boost
3. ปลดล็อกช่องรูนให้ครบก่อนอัปเกรดหนัก ๆ
การมีรูนหลายชิ้น “ดีกว่าการอัปเกรดชิ้นเดียวเยอะ ๆ”
4. ใช้ Rune Fusion ให้ได้สเตตัสดีที่สุด
ระบบนี้สามารถรีสุ่มค่าสเตตัสได้
ควรสุ่มจนได้สเตตัสเล่นคาสิโนออนไลน์กับ ยูฟ่าเบท เว็บตรง มั่นคง ปลอดภัย ระบบทันสมัยที่สุด สมัครง่าย ไม่ผ่านเอเย่นต์ พร้อมโปรโมชั่นเด็ดทุกวันที่ตรงสาย
5. ใช้ Rune Enhance เฉพาะชิ้นที่เป็น “บิลด์สุดท้าย”
อย่ารีบอัปเกรดรูนเปลี่ยนบ่อย เพราะจะเปลืองทรัพยากรอย่างมาก
ข้อผิดพลาดของผู้เล่นส่วนใหญ่เกี่ยวกับรูน
❌ ลงรูนผิดสาย เช่น DPS ใส่รูน DEF เยอะเกิน
❌ อัปเกรดรูนฟ้า/ม่วงจนเปลือง
❌ ไม่ปรับรูนให้เข้ากับ PVP/PVE
❌ ไม่จัดสัดส่วนแรง–ถึก–เร็ว
❌ ลืมเพิ่มค่า Haste ทำให้คอมโบไม่ลื่น
บทสรุป: ระบบรูน = หัวใจของการสร้างบิลด์ให้สุดทาง
เมื่อคุณเข้าใจรูน ตัวละครจะพัฒนาขึ้นแบบมหาศาลทันที
- แรงขึ้น
- ถึกขึ้น
- คอมโบลื่นขึ้น
- ฟาร์มเร็วขึ้น
- ผ่าน Raid ยาก ๆ ได้ง่ายขึ้น
ผู้เล่นโปรจึงให้ความสำคัญกับรูนเทียบเท่ากับอาวุธระดับ Legendary เลยทีเดียว
หากต้องการค้นหาแหล่งข้อมูลหรือความบันเทิงเสริมอื่น ๆ ระหว่างพักเล่นเกม ก็สามารถเข้าเยี่ยมชมเข้าถึงทุกการเดิมพันได้ง่ายผ่าน ทางเข้า UFABET ล่าสุด เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ รองรับมือถือทุกระบบ เข้าเล่นได้ตลอด 24 ชั่วโมงได้ทุกเวลา